ความสุขอยู่ที่มุมมอง
มีใครเคยรู้สึกเบื่อหรือเคว้งเวลาทำงาน หรือรู้สึกว่าตนเองก็ได้แต่ทำงานให้เสร็จไปวัน ๆ บ้างไหมคะ ความรู้สึกแบบนี้ สำหรับบางคนอาจจะเป็นเรื่องปกติ สามารถอยู่กับมันอย่างมีความสุข แต่สำหรับหลาย ๆ คน มันอาจจะเป็นความรู้สึกที่เป็นพิษ ที่ค่อย ๆ บั่นทอนแรงกายแรงใจไปเรื่อย ๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ถ้าใครเป็นอย่างหลัง วันนี้ ผู้เขียนมีวิธีการกำจัดพิษมาเสนอค่ะ
กำจัดพิษร้ายด้วยการเปลี่ยนมุมมอง หาคุณค่าของงานเรา
วิธีกำจัดพิษอาจจะมีได้หลายวิธี แต่วิธีที่ผู้เขียนคิดว่าใช้ได้ดี และมีความยั่งยืนคือการเปลี่ยนมุมมองต่องานที่ตนทำอยู่
เมื่อปลายปีที่แล้ว ผู้เขียนได้มีโอกาสดูภาพยนต์อนิเมะญี่ปุ่นเรื่องหนึ่งที่แสดงถึงวิธีนี้ได้เป็นอย่างดี เรื่องชื่อว่า Violet Evergarden เป็นเรื่องของเหล่าตัวละครที่ทำงานในที่ทำการไปรษณีย์ สิ่งที่เห็นได้ชัดในเรื่องคือ มุมมองของตัวละครที่มีต่องานบุรุษไปรษณีย์ค่อย ๆ เปลี่ยนไป จากการส่งจดหมายไปวัน ๆ สู่การเป็นตัวกลางในการนำส่งความสุข และการเชื่อมสายใยระหว่างผู้คน ‘’Postmen deliver happiness’’
มีใครรู้สึกเหมือนผู้เขียน ถึงความประทับใจที่ผุดขึ้นมา และรู้สึกถึงคุณค่าของงานบุรุษไปรษณีย์ที่เราไม่เคยนึกถึงมาก่อนไหมคะ
มุมมองเป็นสิ่งสำคัญที่กำหนดวิธีการมองโลกของเรา ซึ่งมีผลกับการตอบสนองเชิงอารมณ์และการกระทำของเราต่อสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น ถ้าเรามองว่าความผิดพลาดคือปัญหา เราก็อาจจะรู้สึกท้อแท้และไม่สู้ต่อ แต่ถ้าเรามองว่ามันคือโอกาสที่จะได้เรียนรู้ เราอาจจะรู้สึกขอบคุณมันและพยายามทำให้ดีขึ้น
เช่นเดียวกันกับการทำงาน ถ้าเราลองปรับมุมมอง นิยามงานเราใหม่ เราก็จะเห็นถึงคุณค่าของงาน และความรู้สึกเชิงลบก็จะกลายเป็นบวก นอกจากนั้นเป้าหมายกับสิ่งที่เราทำเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในงานก็จะถูกยกระดับไปด้วย
เริ่มจากสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ
ถึงตรงนี้ คงมีคนเริ่มตั้งคำถามแล้วว่า เราควรทำอย่างไร เริ่มตรงไหน ถึงจะเปลี่ยนมุมมอง และเห็นคุณค่าของงานที่ทำอยู่ได้
เราสามารถเริ่มจากการลองนำหลัก Omotenashi หรือหลักการให้บริการของคนญี่ปุ่นไปปรับใช้ในงานของเราดู หลักการนี้สามารถทำได้ด้วยการเอาใจใส่ในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดี และเหนือความคาดหมายให้กับลูกค้า โดยการคิดเผื่อถึงปัญหาที่แม้แต่ตัวลูกค้าเองก็อาจจะไม่รู้ว่ามี
ตัวอย่างเช่น การที่มีพนักงานร้านอาหารมากลับทิศของรองเท้าที่เราถอดไว้หน้าร้านให้ เพื่อที่เราจะไม่ต้องเสียเวลาทำเองตอนออกจากร้าน หรือพนักงานฝ่ายบัญชีที่เพียงแค่ยิ้มแย้ม เวลามีพนักงานจากแผนกอื่นมาถามเรื่องการเบิกจ่าย เพื่อทำให้อีกฝ่ายรู้สึกสบายใจที่จะเข้ามาขอความช่วยเหลือ เป็นต้น
จะสังเกตได้ว่าสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่พนักงานข้างต้นทำเพิ่มนั้นไม่ได้เกี่ยวกับการบริการหลักของธุรกิจของพวกเค้าโดยตรง หรือมีเป้าหมายในการทำ KPI ให้สูงขึ้น แต่เป็นการกระทำที่มาจากความคิดที่ว่า เราจะทำให้ลูกค้ามีความสุขมากขึ้นได้อย่างไร
เมื่อเราทำตามหลักการ Omotenashi เราจะได้คิดและค้นหาไปในตัวด้วยว่า ลูกค้าเราคือใคร เค้ามีความรู้สึก ความคาดหวังอะไรที่มาใช้บริการเรา และความสบาย หรือประโยชน์อะไรที่เราสามารถสร้างให้ได้บ้าง ซึ่งสิ่งเหล่านี้แหละ ที่จะทำให้เรารู้สึกถึงคุณค่าในงาน เห็นถึงความหมาย มุมมองใหม่ ๆ และจุดประสงค์ที่ลึกซึ้งมากกว่าเดิมของสิ่งที่ตัวเองทำโดยอัตโนมัติ หรือที่คนญี่ปุ่นเรียกกันว่า Ikigai นั่นเอง
สุดท้ายนี้ อีกอย่างที่สำคัญไม่แพ้กัน คือการที่เราได้พบปะลูกค้า ได้เห็นความสุขของพวกเขาจากสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เราทำให้ ได้เห็นผลจากน้ำพักน้ำแรงของตนเอง
มุมมองเปลี่ยน ชีวิตเปลี่ยน
เพียงแค่เราลองเริ่มจากการทำอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อลูกค้าตามแนวคิด Omotenashi และได้สัมผัสถึงคุณค่าของสิ่งที่เราทำผ่านรอยยิ้มของพวกเค้า ปรับเปลี่ยนมุมมองจากงานธรรมดา ๆ เป็นงานส่งความสุข ความรู้สึกว่างเปล่าและไร้เป้าหมาย ก็อาจจะกลายเป็นแรงบันดาลใจและแรงผลักดันที่ทำให้เราตื่นมาทำงานทุกเช้าก็ได้
มาลองกำจัดพิษร้ายด้วยกันนะคะ
——————-
> Subscribe เพื่อติดตามข่าวสารน่าสนใจ และบทความแนะนำที่คนทำงานไม่ควรพลาด:
https://asian-identity.com/hr-egg-th/subscribe
> ติดต่อเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือคุยกับที่ปรึกษาด้านทรัพยากรบุคคล:
https://asian-identity.com/hr-egg-th/contact
Credit: รูปของ Tim Mossholder จากเว็บ Pexels
Suggest Section
Identity Leadership Journey (for TH) Batch#33
สร้างความเป็นผู้นำในแบบของตน ผ่านเวิร์คช็อปที่จะทำให้ทุกท่านได้สำรวจ และรับรู้ถึงจุดแข็ง จุดอ่อน ประเด็นปัญหาและสไตล์การสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่นผ่านการทำแบบทดสอบทางจิตวิทยา ทำกิจกรรมและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับองค์ประกอบของ Leadership